เรื่อง เงินๆทองๆ และ ค่าครองชีพ ที่ต้องรู้ ก่อนคิดจะไปเรียนที่อเมริกา

 

 

 

 

กลับมาเจอกันอีกครั้ง กับ บทความดีดี และความรู้ที่จำเป็นอย่างยิ่งในการเตรียมตัวไปเรียน

และใช้ชีวิต ในสหรัฐ อเมริกาวันนี้จะมาว่ากันด้วยเรื่อง เงินๆทองๆ ก็คือเรื่อง ค่าเงิน รูปแบบของเงิน

และการใช้เงินในรูปแบบต่างๆรวมถึงเรื่อง ค่าครองชีพ ในสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าจะเป็น

ค่าอาหาร ค่าที่พัก ค่าเรียน และอื่นๆ

 

เรื่องแรกที่อยากจะเล่าให้ฟัง และบอกให้รู้ก็คือเรื่องเงิน เรารู้กันอยู่แล้ว

$1 ดอลล่าห์สหรัฐต่อเงินไทย มีค่าประมาณ 35 บาท บวกลบ ต่อเงินบาทไทย

ซึ่งเรทค่าเงินนี้ ผันแปลไปตามความต้อการ หรือ Demand Supply ของเงินบาทไทย ต่อ

เงินดอลล่าห์สหรัฐซึ่งจะเปลี่ยนแปลงตามกลไกลตลาดแต่ควบคุมค่อนข้างยาก

 

 

ซึ่งเงินดอลล่าห์สหรัฐจะแบ่งเป็น ธนบัตรและเหรียญ โดยธนบัตรจะมี 6 แบบ คือ

$100 $50 $20 $10 $5 $1 

 

 

สำหรับเหรียญนั้นก็จะแบ่งเป็น 6 แบบคือ

$0.01 $0.05 $0.10 $0.25 $0.50 $1.00

 

ลักษณะการใช้เงินก็จะคล้ายๆ บ้านเราแต่ สำหรับ แบงค์ $100 นั้นจะค่อนข้าง

เป็นแบงค์ที่มีมูลค่าเยอะ เพราะฉะนั้นเวลาใช้ อาจจะยากซักหน่อยถ้าเราซื้อของ มูลค่าน้อยๆ

แต่ในความเป็นจริงแล้ว เงินสด หรือ Cash ในอเมริกานั้น ไม่นิยมใช้กันเหมือนในบ้านเรา

เนื่องจาก แทบจะทุกที่ สามารถใช้จ่ายผ่าน เครดิต หรือ เดบิต การ์ดได้ ไม่ว่าจะเป็น

การจอดรถข้างถนน ร้านสะดวกซื้อ แท๊กซี่ ตู้กดน้ำ ร้านอาหาร และอื่นๆอีกมากมาย 

 

เรียกได้ว่า เงินสดแทบจะไม่ได้จำเป็นในการดำรงค์ชีวิต  เลยก็ว่าได้

นอกจาก บางร้านซึ่งเป็นส่วนน้อยเท่านั้นที่จะรับเฉพาะเงินสด ซึ่งแน่นอนว่า

เครดิตการ์ด นั้น สะดวก และ ปลอดภัย กว่าเงินสด และยังสามารถบันทึกค่าใช้จ่ายเราได้อีกด้วย

 

 

สำหรับน้องๆนักเรียนไทยที่ไปถึง สหรัฐอเมริกา สามารถเดินเข้าไปในธนาคารแล้วขอเปิดบัญชี

เพื่อทำบัตรเดบิตได้ โดยใช้เอกสารที่สามารถระบุตัวตนเราได้ 2 อย่างขึ้นไป ซึ่งอาจจะเป็น

 Passport หรือ บัตรประชาชนไทย ใบขับขี่ไทย และ บัตรเครดิตไทย ที่มีชื่อเราอยู่บนบัตร 

โดยที่อเมริกานั้นจะไม่มีสมุดบัญชีเหมือนบ้านเรา แต่จะเป็นการใช้ ระบบ ออนไลน์ 

บนเว็บไซด์ หรือแอปพลิเคชั่น เป็นส่วนมาก ซึ่งค่อนข้างสะดวก และ ง่ายต่อการใช้งาน

 

 

 สำหรับเรื่องค่าใช้จ่าย หรือ ค่าครองชีพในอเมริกา นั้น ก็เป็นสิ่งที่หลายๆคนกังวล

เพราะว่า ด้วยค่าเงิน และค่าครองชีพที่สูงนั้น อาจเป็นปัญหาหลักๆของการมา ศึกษาต่อที่นี่

เพราะฉะนั้นเราจะมาดูกันว่า ค่าครองชีพในแต่ละอย่างนั้น ประมาณเท่าไร่ 

และมีทางเลือกใดให้เราบ้าง

 

ค่าที่พัก

 

สำหรับ นักเรียนที่ไทย ที่สมัครเรียนผ่าน โรงเรียน หรือเอเจนต์ซี่ ส่วนใหญ่แล้ว 

มักจะแนะนำ หรือ มีทางเลือก ให้เราทางเดียว คือ ที่พัก ที่โรงเรียนจัดหาให้

ซึ่งที่พักเหล่านั้นจะมีราคาค่อนข้างสูง แต่จะอยู่ใกล้กับโรงเรียนที่เราสมัครเรียนไป

อาจจะเป็นได้ทั้ง อาพาร์ทเม้นท์ โฮสแฟมมิลี่ หรือ โฮมเสตย์ ก็ได้ โดยราคาต่อเดือน

มักจะไม่ต่ำกว่า $1,000 ขึ้นไปโดย  ส่วนใหญ่จะอยู่ระหว่าง $1,200-$1,500 

 

แต่รู้หรือไม่ว่า ที่พักที่มีราคาถูกกว่านั้นเท่าตัว คือราคา $400-$600 นั้นก็มีอยู่ทั่วไป

เพียงแต่เราไม่รู้จักเท่านั้นหอพัก หรือ บ้านพัก ที่ไกล โรงเรียนออกมา จะมีราคาถูกกว่าพอสมควร

แต่อาจจะต้องเดินทางโดยรถไฟ หรือ รถเมล์ ประมาณ 30 - 45 นาที นอกจากนั้นยังสามารถหา

โฮมเสตย์ หรือบ้านฝรั่งที่มีห้องว่าง ในบ้านของเค้า ให้เราเช่าเป็นรายเดือน 

ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นห้องส่วนตัวโดยสามารถหาได้จาก เว็บไซด์ต่างๆ 

ยกตัวอย่างเช่น www.Homestaybay.com

 

 

ค่าอาหาร

 

มีคนถามว่า $1 (35 บาท) ใน อเมริกาซื้ออะไรได้บ้าง เอาจริงๆแล้ว เขียนวันนี้ก็ไม่หมด

เพราะเยอะจริงๆนะ (ไม่รวม tax) ร้าน $1 ในอเมริกามีเยอะมาก เช่น Dollar Tree หรือ 99cents 

คล้ายๆ DAISO บ้านเราแต่มีทุกอย่าของกิน ของสด ของใช้ ขนม น้ำ ยา ประมาณว่าเดินเข้า 

บิ๊กซี ขนาดย่อมๆ แต่ทีเด็ดเลยคือ ทุกอย่าง $1 

 

  

นอกจากร้านนี้ ก็มีอีกอย่างนึงที่อยากนำเสนอคือ พิซซ่าในเซเว่น ชิ้นใหญ่มาก ใหญ่กว่า

ถาดใหญ่บ้านเราอีก ชิ้นละ $1 (35 บาท) หรือ ถาดละ $5 (175 บาท) แถมอร่อยด้วย

นอกจากนั้นยังมีไก่ทอด แซนวิส และอีกหลายๆอย่างราคา $1-$3 (35-105 บาท)

 ก็อิ่มๆออกมา

 

 

แต่เอาจริงๆแล้ว เราจะกินอาหารพวกนี้ทุกวันคงไม่ไหว งั้นมาดูในฝั่งของร้านอาหาร

และ Fasfood แบรน์ดังๆกัน ร้านอาหารเอเชีย ทั่วไป ถ้าเราไปทาน บะหมี่ ซักชาม 

หรือ ข้าวผัดซักจาน ราคาก็จะประมาณ $6-$8 (200-250 บาท) แต่ถ้าเข้าร้านอาหารไทย

 ราคาก็จะแพงมาหน่อยประมาณ $8-$10 (280-350) เอาเป็นว่าไปกินในห้างบ้านเรา 

ยังแพงกว่าอีก เราก็ยังกินกันประจำ บางคน กินจนมันเคยชินไปซะละ 

 

 

ส่วนทางด้าน Fastfood ยอดนิยมกันบ้าง ไม่ว่าจะเป็น Macdonal, KFC, Carls JR, Burger Kings, Subway

และอื่นๆอีกมากมาย ราคาไม่ได้ต่างจากเมืองไทยเท่าไร่นัก บางแบรนด์ถูกกว่านิดหน่อย

บางแบรนด์แพงกว่านิดหน่อยอย่าง Macdonal ก็มี $1 Menu ซึ่งมีตลอดทั้งปีและน่าจะมีไปอีกหลายปี

แต่ที่ชอบจิงๆคือ น้ำอัดลมเค้ากดฟรี เติมได้ตลอด

 

ของใช้ทั่วไป และ เสื้อผ้า

 

อันนี้ การันตรีเลยว่า ถูกกว่าจริงๆ อย่างที่รู้กันว่า คนไทย ไปหิ้วมาขาย ทำพรีออร์เดอร์กันเยอะแยะ

คงไม่ต้องบรรยาย สรรพคุณมาก ของแบร์นเนมถ้าเทียบกับบ้านเรา ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เครื่องประดับ รองเท้า

บอกเลยว่า ถูกกว่าเยอะ โดยเฉพาะที่ OUTLET หรือ DISCOUNT STORE ต่างๆในแต่ละเมืองเช่น

ROSS, TJMAXX, MARSHALLS และอื่นๆ ขุมทรัพย์ ของถูกและดี อยู่ในนี้เพียบ

 

สำหรับคนที่ไม่เน้นแบร์นเนม หรือหาของใช้ในบ้าน ในครัว และอื่นๆ ก็สามารถไปหาใน DISCOUNT STORE

ที่กล่าวมาได้ เช่นกัน เพราะมีสินค้า หลากหลาย และครอบคลุมมาก หรือ อาจจะไปร้าน $1 ที่กล่าวไปแล้ว

ก็ยังได้ นอกจากนี้ก็จะเป็น ซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วๆไป แต่อยากแนะนำว่า COSTCO และ WALMART ของถูกที่สุด

 

ช่องทางสุดท้ายที่อยากจะบอกคือ ช่องทางที่กำลังนิยมในการ ซื้อของ และ ช็อปปิ้งที่สุด ในอเมริกา

นั้นคือ AMAZON ปัจจุบัน มีขายแทยทุกอย่าง และส่งภายในไม่กี่ชั่วโมง

สินค้าหลายอย่างราคาถูกว่าร้านค้า แถมมีรับประกัน คืนสินค้า คืนเงิน หากไม่พอใจ

ซึ่งบอกได้เลยว่า ถ้าได้ลองและจะติดใจ รู้ตัวอีกที กระเป๋าแห้งแน่ๆ

 

*** สินค้าที่อเมริกา แทบจะทุกอย่างสามารถ คืนได้ และสามารถได้รับเงินคืนเต็มจำนวนอีกด้วย

โดยมีระยะเวลา 30-60 วันหลังจากวันที่ซื้อ ขึ้นอยู่กับ ข้อกำหนดของแต่ละร้าน เช่น อยู่ในสภาพใหม่

ยังไม่ได้ใช่ ไม่ชำรุด มีใบเสร็จ หรือ ป้ายสินค้ายังอยู่ครบ เป็นต้น

 

 

ค่าเรียน

 

ค่าเรียนจะแบ่งออกเป็นหลักๆ คือ 1. เรีบนภาษา 2 เรียนระดับปริญญา 3. เรียนระดับ certificate

 

1. สำหรับการเรียนภาษานั้น ค่าเรียนเริ่มต้น อยู่ที่ $400-$1500 ต่อเดือน ขึ้นอยู่กับ

ชั่วโมงการสอน สถาณที่ตังเมืองที่ตั้ง คุณภาพของอาจาร์ย ขนาดของห้องเรียน เนื้อหาที่เรียน

และนักเรียนของสถาบันนั้นๆซึ่งแน่นอนว่า ราคา มักจะไปควบคู่กับ คุณภาพ ซะส่วนใหญ่

บางโรงเรียนมีราคาที่ถูก แต่ไม่ได้แปลว่าสถาณะของ โรงเรียนจะดี หรือ อาจมีปัญหาในการยื่นขอวีซ่า

จำนวนนักเรียนในห้องอาจมีมากถึง 50 คนต่อ อาจาร์ยหนึ่งคน หรือ อาจจะ ไม่ได้มีการเรียน

การสอนที่ได้มาตารฐานก็เป็นได้ซึ่งแตกต่างจาก โรงเรียนที่ดี และมีราคาสูงกว่า

ซึ่งห้องเรียนนึงอาจมี ประมาณ 10-15 คน และมี อาจาร์ย หรือ หลักสูตรการเรียนการสอน

ที่ดีและมีคุณภาพมากกว่า

 

2. สำหรับการเรียนระดับ ปริญญานั้นค่าเรียนจะเริ่มต้นประมาณ $20,000 - $50,000 ต่อปี ซึ่งขึ้นอยู่กับ

มหาวิทยาลัย และสาขาที่เราเลือกเรียน แต่ส่วนใหญ่และ จะสามารถยื่นขอทุนได้ ตั้งแต่ 1-4 ปี 

แล้วแต่บุคคล ซึ่งขึ้นอยู่กับการพิจารณา การสัมภาษณ์ และผลการเรียนของเรา

 

 

3. สำหรับ การเรียนระดับ certificate ราคาจะแตกต่างกันไปตาม สาขา วิชา ที่เราต้องการเรียน

ราคาอาจจะเริ่มต้นตั้งแต่ ระดับ $3,000 - $100,000 

 

หลังจากอ่าน บทความนี้ เราจะเห็นได้ว่า การไปเรียนและใช้ชีวิต อยู่ใน อเมริกา

ไม่ได้ยากหรือต้องใช้เงินมากมายเหมือนที่เราเคย ได้ยินได้ฟังมา ทุกอย่างขึ้นอยู่กับว่าเรารู้ หรือไม่รู้

เราแสวงหา หรือเราอยู่เฉยๆที่พัก อาหาร ของใช้จำเป็น ค่าเรียน มีหลายระดับ ราคา และ

มาตราฐานให้เราเลือก ก็ขึ้นอยู่กับว่าเรา เหมาะสม หรือมีความสามารถที่จะเลือกสิ่งไหน

ให้เหมาะสมกับตัวเองก็เท่านั้น 

 

 

ข้อมูลทั้งหมดรวบรวมโดยประสบการณ์และการทำงานของพี่ๆ WE STUDY INTER 
 
เอามาฝากไว้ให้น้องๆได้อ่านเพื่อเตรียมความพร้อมในการมาเรียนที่อเมริกาค่ะ
 
 เรามีบริการครบวงจรตั้งแต่ขั้นตอนให้คำปรึกษา สมัคร เรียน ขอวีซ่า 
 
จนถึงการไปรับที่สนามบิน พร้อมดูแลน้องๆทุกคนในการเริ่มต้นใช้ชีวิตที่อเมริกา 
 
โดยพี่ๆทีมงานคนไทยที่อยู่ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งทำให้ 
 
น้องๆหรือผู้ปกครอง สามารถลดความกังวลได้ สำหรับคนที่กลัวว่าไปถึงแล้ว
 
จะทำเริ่มต้นยังไง ซึ่งบริการทั้งหมดนี้ ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมนะค่ะ
 
www.westudyinter.com

Line :@westudyinter, 097-141-9215
 

 

 

 

Visitors: 102,277